ยาสมุนไพรโดยทั่วไป
มีทั้งการใช้สดและการใช้แห้ง การใช้สดนั้นมีข้อดีตรงสะดวก ใช้ง่าย
แต่ว่าฤทธิ์การรักษาของยาสมุนไพรไม่คงที่ บางครั้งฤทธิ์ดี บางครั้งฤทธิ์ไม่ดี
ยาที่ใช้สดมีหลายอย่าง เช่น ว่านหางจระเข้ รากหญ้าคา เป็นต้น
แต่การใช้ยาสมุนไพรส่วนมากนิยมใช้แห้ง เพราะจะได้คุณภาพของยาที่คงที่
โดยเลือกเก็บยาสมุนไพรที่ต้องการตามฤดูการเก็บของพืชแล้วนำมาแปรสภาพโดยผ่านขบวนการที่เหมาะสมเพื่อเก็บยาไว้ได้เป็นเวลานาน
กระบวนการแปรสภาพยาสมุนไพรที่เหมาะสมนั้น
โดยทั่วไปนำส่วนที่ใช้เป็นยามาแล้วผ่านการคัดเลือก การล้าง การตัดเป็นชิ้นที่เหมาะสมแล้วใช้ความร้อนทำให้แห้ง
เพื่อสะดวกในการเก็บรักษา วิธีการแปรสภาพยาสมุนไพรนั้นแตกต่างกันไปตามชนิดของพืช
ส่วนที่ใช้เป็นยา และความเคยชินแต่ละท้องที่ วิธีการที่ใช้บ่อย
โดยแยกกล่าวตามส่วนที่ใช้เป็นยา มีดังนี้
๑. รากและส่วนที่อยู่ใต้ดิน
ก่อนอื่นคัดขนาดที่พอ ๆ กัน เอาไว้ด้วยกัน เพื่อจะให้สะดวกในการแปรสภาพต่อไป
จากนั้นล้างดินและสิ่งสกปรกที่ติดอยู่ให้สะอาด เอารากฝอยออกให้หมด
หากว่าเป็นพืชที่มีเนื้อแข็ง แห้งได้ยากต้องหั่นเป็นชิ้นที่เหมาะสมก่อน
หากเป็นพืชที่ไม่แข็งนำมาผ่านขบวนการให้ความร้อนตามแต่ชนิดของพืชนั้นพืชที่ใช้หัวและรากส่วนมากประกอบด้วย
โปรตีน แป้ง เอนไซม์ หากผ่านการให้ความร้อนแบบต้มนึ่งจะทำให้สะดวกในตอนทำให้แห้ง
หลังจากผ่านความร้อนแล้ว นำมาตัดเป็นชิ้น แล้วอบให้แห้งในอุณภูมิที่เหมาะสม
๒. เปลือก
หั่นเป็นชิ้นให้มีขนาดพอดี ตากให้แห้ง
๓. ใบและทั้งต้น
ใบพืชบางอย่างที่มีน้ำมันหอมระเหย ควรผึ่งไว้ในที่ร่มไม่ควรตากแดด
และก่อนที่ยาจะแห้งสนิท ควรมัดเป็นกำป้องกันการหลุดร่วงง่าย เช่นกะเพราแดง
สะระแหน่ เป็นต้น โดยทั่วไปเก็บใบหรือลำต้น
มาล้างให้สะอาดแล้วนำมาตากแดดให้แห้งสนิท จากนั้นจึงเก็บให้มิดชิด
ระวังอย่าให้ขึ้นราได้
๔. ดอก
หลังจากเก็บมาแล้ว ตากแห้งหรืออบให้แห้ง แต่ควรรักษารูปดอกไว้ให้สมบูรณ์
ไม่ให้ตัวยาถูกทำลายสูญเสียไป เช่น ดอกกานพลู
๕. ผล
โดยทั่วไปเก็บแล้ว ก็ตากแดดให้แห้งได้เลย
มีเพียงบางอย่างเท่านั้นที่ต้องหั่นเป็นชิ้นก่อนตาก หรืออบด้วยความร้อนก่อน
๖. เมล็ด
เก็บผลมาตากให้แห้ง แล้วจึงเอาเปลือกออก เอาเมล็ดออก เช่น ชุมเห็ดไทย
บางอย่างเก็บแบบผลแห้งเลยก็มี
พืชที่ใช้เป็นยาสมุนไพรนั้น การแปรสภาพในชั้นต้น
โดยมากใช้วิธีทำให้แห้ง มีวิธีการตากให้แห้ง อบให้แห้ง ผึ่งให้แห้งในที่ร่ม
เป็นต้น แต่ต้องสนใจอุณหภูมิ ที่ทำให้แห้ง โดยทั่วไป อุณหภูมิ ๕๐ – ๖๐ °c กำลังเหมาะสมเพราะสามารถระงับบทบาทของเอนไซม์ที่อยู่ในต้นพืชได้
และทำให้สาระสำคัญในพืชเช่น ไกลโคไซด์ และ อัลคาลอยด์ ในพืชไม่สลายตัวไป